Hidup merantau


 การเดินทาง คือการบันทึกเรื่องราวในความทรงจำ
              การออกเดินทางของแต่ละคน อาจมีจุดมุ่งหมายต่างกัน หลายคนออกเดินทางเพื่อตามหาความสุข และอีกไม่น้อยที่ต้องการหนีออกจากความทุกข์ บางคนออกเดินทางเพื่อให้หัวใจตัวเองแข็งแรง แต่ละจุดมุ่งหมายก็จะมีวิธีทางที่ต่างกันไปตามรูปแบบการเดินทางของแต่ละคน ซึ่งแน่นอนไม่มีใครบอกได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกการเดินทางต้องมีนั้นคือ ความทรงจำ เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบเดินทางแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่มีแผนการเดินทาง คํ่าที่ไหนนอนที่นั่น และอีกหนึ่งแบบคือการเดินป่า ผจญภัย พิชิตยอดเขาเพื่อตามล่าทะเลหมอกที่สวยงาม และผมได้มีโอกาศไปพิชิตภูกระดึงจังหวัดเลยคือจะบอกว่าสนุกมาก ไปแบบไม่ใช้รถส่วนตัว วันนั้นไปกับเพื่อนๆทั้งหมด13คน วันนี้ผมจะมาบรรยายการเดินทางของผมกับเพื่อนๆ
"เริ่มอ่านได้เลยครับอาจารย์"
ทริปภูกระดึง3วัน2คืน
หลังจากเตรียมตัวอยู่หลายวัน บางคนซื้อของหมดเป็นหมื่นเป็นพันก็ถึงเวลาออกเดินทางไปหาเขาที่ภูกระดึง เช้าวันที่1 พฤศจิกายน2564 ได้เริ่มออกเดินทางไปสถานีรถไฟยะลา เพื่อขึ้นรถไฟไปยังกรุงเทพมหานคร
เที่ยงวันที่2 พฤศจิกายน2564 ถึงสถานีรถไฟบางซื่อ ก็ได้ขึ้นรถประจำทางจะไปสถานีขนส่งหมอชิต2 เพื่อขึ้นรถบัสไปลงที่ผานกเค้า ตี9ก็ได้ถึงผานกเค้าแล้วก็ได้ไปนอนที่บ้านเพื่อนที่นาแปนเพื่อรอขึ้นภูพรุ่งนี้เช้าเช้าวันที่3 พฤศจิกายน2564 ตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปขึ้นภู หลังจากซื้อบัตรเข้าอุทยานและผ่านจุดคัดกรองตามที่อุทยานกำหนด ก็ได้เวลาขึ้นไปหาเขาตามที่หัวใจมันต้องการ กับสัมภาระที่อยากลองแบกเองสักครั้ง กับนํ้าหนักเป้เป็น10โลบางคนเกือบ20โลผ่านแต่ละซำก็เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก แต่ถ่ายรูปไม่หมดที555.
แต่ละซำก็ได้แวะพักกินแตงโมที่เขาว่าอร่อยสุดในชีวิต ได้เติมพลังและให้มีแรงเดินต่อไป
วันที่พวกผมขึ้นภูก็จะมีนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ
และพวกเราก็ได้เดินผลัดกันเดินแซงกันแล้วก็ได้ถ่ายรูปกับบันไดคู่ที่มีความชันมาก แล้วจะมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นฝีคือสงสารมากเดินก็ลำบากเดินก็หลังสุด555 เดินกันไปจนถึงหลังแป
ใช้เวลาเดินประมาณ 7ชั่วโมงถือว่าช้านะ ปกติคนอื่น3-5ชั่วโมง ก็ได้ถึงหลังแปคือจะบอกว่าเหนื่อยมากดูสภาพตอนถึงสิหนอนเลย55 พักถ่ายรูปซะหน่อยกับวิวสวยๆ กับป้ายอันซีนผู้พิชิตและได้สงสัยว่าพวกผมเดินขึ้นถึงจุดนั้นได้ยังไง555 แล้วก็ยังดีใจไม่ได้เพราะต้องเดินอีก3.5กิโล เพื่อถึงลานกางเต้นท์
จากนั้นก็ได้เดินต่อไปยังลานกางเต้นท์ แค่3.5โล
ก็ได้เดินไปพร้อมพูดคุยกับเพื่อนตลกๆ
"เมื่อไหร่น้อจะถึงสักที"ปวดขาไปหมดแล้ว555
จากนั้นก็ได้ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลาประมาณตี3 ถึงแบบขาแต่ละคนนี่เดินผิดปกติเหมือนที่เพื่อนบอกว่าช่วงล่างมีปัญหา555
ถึงเสร็จก็ได้แวะพักกินข้าวว กินข้าวเสร็จก็ได้ไปกางเต้นท์จัดของให้เรียบร้อย เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ต้องเดินอีก2กิโล
ระหว่างทางที่ไปผาหมากดูกพวกผมก็ได้เดินไป แต่จะมีบางคนกลุ่มอื่นกำลังเดินกลับเขาเลยถามว่า"พวกน้องจะไปดูอะไรค่ะตอนนี้555"คือว่าพวกผมไปช้าไง เลยไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกแต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ได้ดูวิวแบบมืดๆ จากนั้นก็ได้แวะกินมาม่ากับโอวัลตินร้อนร้อนอร่อยๆ555 ทางกลับก็ได้เห็นทางช้างเผือกสวยๆ
กลับมาก็รีบอาบนํ้าก่อนเลย เจอนํ้าบนภูเย็นมากอาบนํ้าเสร็จก็ได้ไปนอนที่จุดกางเต้นท์ วันที่พวกผมอยู่นั้นจะไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่อุณหภูมิประมาณ18องศา
เช้าวันที่4พฤศจิกายน2564 ก็ได้รีบตื่นตั้งแต่ตี5เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นแต่ไม่ทันไปกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ต้องเดินไปเอง แต่ไปนี่ไม่ได้ไปหมดที บางคนไม่อยากไปก็เลยนอนต่อ"อากาศหนาวกำลังดี555"แต่พอถึง
ปุ้ปก็ลุ้นว่าหมอกจะสวยไหม พระอาทิตย์จะสวยไหมแต่ที่ได้ก็สวยอยู่ จากนั้นก็ได้กลับไปยังลานกางเต้นท์อาบนํ้ากินข้าว ก็ต้องเตรียมเพื่อที่จะต้องเดินทางต่อ
ออกเดินทางไปหานํ้าตก เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางราบ มีทั้งโคลน นํ้า พวกผมตั้งใจให้ได้ไปนํ้าตกครบทุกนํ้าตก ด้วยร่างกายที่อ่อนล้าเมื่อวาน
สุดท้ายก็ครบจนหมด
เมื่อออกจากนํ้าตก ก็รีบเร่ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังผาหล่มสัก เดินมาสักพักก็เจอสระอโนดาต แวะถ่ายภาพแล้วก็รีบเดินต่อไปพร้อมกับดูนาฬิกาที่เวลาไม่เข้าท่า ดูท้องฟ้าก็เริ่มจะมืด พอดูป้ายระยะทาง2กิโลอีก"ท้ออบางที555"
และเดินทางต่อในป่าสน มีทั้งอึช้างง รอยเท้าสัตว์ต่างๆ ก็กลัวเมือนกันนะ555. ส่วนใบเมเปิ้ลก็มีไม่มากเพราะไปไม่ตรงกับฤดูของเขา
เดินมาประมาณ2กิโล ก็ได้เจอจุดที่ทุกคนอยากมาได้ถ่ายรูปสักครั้งก็คือ"ผาหล่มสัก"นี่แหละ ตอนถึงก็จะมืดแล้ว ต้องรีบถ่ายรูปเร็วๆเพื่อให้ทันก่อนมืด ถ่ายรูปเสร็จก็ได้แวะกินข้าวเติมพลังเพื่อที่จะเดินกลับไปยังลานกางเต้นท์ แต่ทางเดินกลับดูพอป้ายแล้วท้อออีก9กิโลจะถึง555
พวกผมมันแข็งแรงไงวันเดียวไปทุกที่ที่มีบนภูกระดึง แต่ส่วนผาแดง ผาเหยียบเมฆได้ถึงตอนกลางคืนแต่จะถ่ายกับวิวสวยๆไม่ได้ใง ก็เลยถ่ายรูปที่ป้ายก็พอ ให้รู้ว่าพวกผมมาถึงแล้วว555ก็ได้เดินกับเพื่อนๆเป็น3กลุ่ม กลุ่มแรกก็เดินเร็วไปเดินแบบไม่คิดจะหยุดเลย กลุ่ม2 ก็ได้เดินปกตินี่แหละ ส่วนกลุ่ม3นี่แหละ เดินสักพักหยุด คือหยุดตลอดและช้ามาก555 ระหว่างทางก็จะมีความกลัวนิดหน่อย555 สุดท้ายก็ได้เดินถึงลานกางเต้นท์ใช้เวลา3ชั่วโมงจากผาหล่มสักไปยังลานกางเต้นท์ คือรู้สึกสบายใจที่ได้เดินและได้พักสักที ถึงแล้วก็ไม่ได้กินอะไรเลยอาบนํ้าเสร็จก็นอนเลย คือแบบเหนื่อยมากและปวดขามาก
เช้าวันต่อมาก็ได้ตื่นจัดของให้เรียบร้อย เก็บเต้นท์แล้วได้ไปกินข้าวมื้อสุดท้ายบนภูกระดึงที่ร้านมีแม่ค้าใจดีก็คือ"ร้านใบเฟิร์น"จากนั้นก็ได้เดินกลับกับเพื่อนพร้อมแบกเป้กับนํ้าหนักเพิ่มขึ้น5555
ปิดท้ายด้วยรูปมิตรภาพที่พิชิตเขาด้วยกัน
ที่เราเรียกว่า"วัยรุ่นภูกระดึง"ต่างคนได้มีประสบการณ์มากมาย กับการพิชิตเขา
การได้มีเพื่อนที่ชอบเที่ยว ช่วยจัดทริป 
ถ้าไม่มีเพื่อนแบบนี้ มันจะไม่เกิดขึ้นเลยกับทริปดีๆแบบนี้ และสนุกๆอย่างนี้ ยอมลำบากด้วยกัน"ครั้งหนึ่งเราคือผู้พิชิตภูกระดึง"จะเป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป"สักวันต้องมาอีกครั้ง"
และหลังจากลงจากภูกระดึง ก็ได้ไปที่อื่นๆอีกหลายที่ ได้ไปเกี่ยวเกี่ยวข้าวที่นาแปนใกล้ภูกระดึง ได้ไปเชียงคาน อ่างเก็บนํ้าห้วยกระทิง
และเที่ยวในเมืองกรุงเทพ หลังจากนั้นจะกลับบ้านอยู่แล้ว แต่มีเพื่อนที่จะเที่ยวต่อ เลยเหมารถตู้จากยะลา มารับที่หัวหิน แล้วก็เที่ยวภาคใต้ต่อ จังหวัดที่ได้ไป ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี พัทลุง ปิดท้ายด้วยหาดใหญ่ ใช้เวลาการเดินทางของทริปนั้นทั้งหมด 2สัปดาห์ และได้ไปเที่ยวช่วงเรียนออนไลน์ เลยได้เรียนออนไลน์
บนรถ555 จบทริปของผม สุดท้ายแล้วอย่าลืม
ไปติดตาม เพจของผมด้วยครับชื่อว่าHidup merantau  จะมีการเดินทางของผมหลายๆทริป
อันนี้คือโลโก้เพจของผม
ส่วนอันนี้ปกเพจของผม
จบเพียงเท่านี้ขอบคุณครับ✨

ความคิดเห็น